รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะรถพยาบาล
(รถกระบะ)
ปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า
2,400 ซีซี
หรือกำลังเครื่องยนต์
สูงสุดไม่ต่ำกว่า 110 กิโลวัตต์ จำนวน 1 คัน
รายละเอียดและคุณลักษณะเป็นไปตามบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์
พ.ศ.2565 สำนักมาตรฐานงบประมาณ ราคากลางเป็นเงิน 1,220,000 บาท ตามรายละเอียดดังนี้
วัตถุประสงค์
1.
ใช้ในการออกปฏิบัติการช่วยชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลในผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินโดยบุคลากรที่เหมาะสม
อาทิ แพทย์ พยาบาล เวชกรฉุกเฉิน หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการอบรม
และใช้ขนส่งผู้ป่วยในภาวะวิกฤติและฉุกเฉิน เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
(สพฉ.) และเป็นไปตามมาตรฐานสำนักมาตรฐานงบประมาณกำหนด
2.
รถพยาบาลที่ผลิตเสร็จแล้วต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรอง
MIT
จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันที่เสนอราคา
3.
ผู้ผลิตต้องเป็นผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจ
ขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) โดยแนบหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
(SME) เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP)
4.
โดยจัดให้มีแบบรถพยาบาล (รถกระบะ)
และอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
และเป็นไปตามมาตรฐานสำนักมาตรฐานงบประมาณกำหนด แบ่งเป็นส่วนดังนี้
4.1
ส่วนที่ 1 เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์
4.2
ส่วนที่ 2 เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
4.3
ส่วนที่ 3 ส่วนประกอบด้านรถหรือยานพาหนะ
(ด้านโครงสร้างความปลอดภัย)
5.
คุณลักษณะทั่วไปของรถพยาบาล (รถกระบะ) ตามมาตรฐานครุภัณฑ์
ทั้งนี้รายละเอียดของอุปกรณ์ทั้งหมดให้เป็นไปตาม ส่วนที่ 1 ถึง ส่วนที่ 3 โดยอย่างน้อยต้องเป็นไปตามมาตรฐานครุภัณฑ์ที่สำนักงบประมาณกำหนด
เป็นหลักดังนี้
1.
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบไม่น้อยกว่า
2,400 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ตามมาตรฐาน
2.
มีประตูด้านหลัง ปิด-เปิด
สำหรับยกเตียงผู้ป่วยเข้า-ออก
3.
มีตู้เก็บท่อ บรรจุก๊าซไม่น้อยกว่า 2 ท่อ
พร้อมที่แขวนน้ำเกลือ
4.
มีที่จัดเก็บอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นอย่างเป็นสัดส่วน
เป็นระเบียบและมีความปลอดภัยจากการหลุด ร่วง ปลิว ออกจากที่จัดเก็บในกรณีที่รถมีการชนหรือกระแทกพลิกคว่ำ
5.
มีวิทยุคมนาคม ระบบ VHF/FM ขนาดกำลังส่งไม่ต่ำกว่า 25 วัตต์ พร้อมอุปกรณ์ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
6.
เครื่องสัญญาณไฟฉุกเฉินพร้อมเครื่องขยายเสียง
คุณลักษณะเฉพาะอุปกรณ์การแพทย์ประกอบ
1.
เตียงนอนโลหะผสม แบบมีล้อเข็น ปรับเป็นรถเข็นได้
2.
ชุดช่วยหายใจชนิดใช้มือบีบสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
3.
เครื่องดูดของเหลวใช้กับไฟรถยนต์
4.
เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดติดผนัง
5.
ชุดป้องกันกระดูกคอเคลื่อน
6.
ชุดเฝือกดามแขน ขา
7.
ชุดให้ออกซิเจน แบบ Pipe Line สำหรับส่งท่อก๊าซ
8.
อุปกรณ์ดามหลังชนิดสั้น
9.
เก้าอี้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยชนิดพับเก็บได้
10.
ครอบหลังคาทรงสูงพร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
11.
มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง
ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head lmmobilizer)
12.
มีระบบติดตามและระบุตำแหน่งรถยนต์
13.
มีอุปกรณ์และกระเป๋าสำหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน
BLS
หรือ PHTLS
14.
ภายในห้องปฏิบัติการส่วนสุดท้ายด้านบนติดตั้งโคมไฟสปอร์ตไลท์ชนิดปรับได้
15.
มีอุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ ประกอบด้วย
กรวย กระบองไฟกระพริบ ไฟฉายส่องสว่าง เทปจราจร เสื้อสะท้อนแสง และนกหวีด
ส่วนที่ 1 เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์
เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นต้องมี
1.
เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มีล้อเข็น มีเข็มขัดรัดผู้ป่วย
ไม่น้อยกว่า 3 จุด และสามารถปรับนั่งลักษณะเหยียดขาได้ ล้อรถเข็นหมุนได้รอบ 360
องศา อย่างน้อย 2 ล้อ มีกลไกสำหรับช่วยเข็นขึ้นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
สามารถรองรับน้ำหนักทั้งหมดได้ไม่น้อยกว่า 150 กิโลกรัม เป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้รับรองคุณภาพมาตรฐานสากล
(EN
1789) หรือผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า 10
G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานทางการแพทย์
ISO 13485 หรือมาตรฐานอื่นหรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าพร้อมแนบเอกสาร
หรือตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ประกาศ เพิ่มเติม และมีเบาะรองนอนตลอดตามยาวของเตียง
สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ มีช่องสำหรับเสียบเสาน้ำเกลือ พร้อมเสาน้ำเกลือจำนวน
1 ต้น สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ และยึดติดกับโครงเตียงได้อย่างมั่นคง
1.1
เตียงต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรอง
MIT
จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันที่เสนอราคา
1.2
เตียงต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตได้รับอนุญาตให้ผลิตจาก
อย. พร้อมแสดงใบอนุญาตให้ผลิตจาก อย. ในวันเสนอราคา
1.3
เตียงเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน
(EN
1789) หรือ (EN 1865) หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
2.
มีระบบป้องกันการกระดกของเตียงเมื่อผู้ป่วยนั่งบริเวณปลายเตียง
ส่วนท้ายเตียงจะต้องมีความมั่นคงไม่กระดกล้ม
3.
มีกลไกในการพับขาเตียงให้พับไปกับฐานเตียงโดยแยกบังคับให้ขาเตียงพับขึ้น
และเมื่อดึงเตียงลงจากรถล้อคู่หลังและคู่หน้าจะกางออกเองโดยอัตโนมัติ (Automatic Loading
Stretcher) มีราวป้องกันผู้ป่วยตกเตียงทั้งสองข้าง สามารถพับเก็บไปด้านล่างได้
4.
มีกลไกในการยึดตรึงผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดไปด้านหน้าหรือด้านหลังระหว่างการเคลื่อนย้าย
โดยมีเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ป่วยไม่น้อยกว่า 3 จุด หรือกลไกอื่นเพิ่มเติม
5.
ฐานเตียง มีกลไกในการยึดตรึงระหว่างฐานเตียงและเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
เพื่อป้องกันไม่ให้เตียงหลุดออกจากฐานเตียงขณะเคลื่อนย้าย ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า
10
G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานทางการแพทย์
ISO 13485 หรือ มาตรฐานตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
(สพฉ.) ประกาศ เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
6.
ฐานเตียงสำหรับติดตั้งบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
มีความมั่นคงปลอดภัย โดยฐานเตียงได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN 1789) หรือ (EN 1865) หรือมาตรฐานทางการแพทย์ ISO
13485 หรือ มาตรฐานตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ประกาศ
เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
7.
มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง
ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer) สามารถใช้ล็อคศีรษะผู้ป่วย/ผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลังได้อย่างมั่นคง
โดยมีกลไกสำหรับประคองศีรษะผู้ป่วย/ผู้บาดเจ็บ และมีฐานรองสำหรับยึดติดกับแผ่นกระดานรองหลัง
ได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN
1789) หรือ (EN 1865) หรือได้รับการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์
ISO 13485 หรือ มาตรฐานตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
7.1
ชุด Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง ที่ยึดตรึงศีรษะ
(Head Immobilizer) มีรายละเอียดดังนี้
7.1.1
ชุด Long Spinal Board ทำด้วยพลาสติก
Polyethylene
ทนแรงกระแทกและสามารถกันน้ำได้
7.1.2
มีขนาดความยาวไม่น้อยกว่า
180 ซม. มีความกว้างไม่น้อยกว่า 40 ซม. มีความหนาไม่เกิน 6 ซม. และหนักไม่เกิน 8
กิโลกรัม สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำได้โดยไม่จม
7.1.3
สามารถรับน้ำหนักผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ขณะทำ
CPRได้ไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม
7.1.4
แสง
X-Ray
สามารถผ่านได้ พร้อมตัวอย่างฟิล์ม X-Ray
มาแสดง ณ วันเสนอราคา
7.1.5
ภายในชุดแผ่นกระดานรองหลังมีแกนสำหรับยึดสายรัด
รับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 170 กก. และมีแกนสำหรับสายรัดไม่น้อยกว่า 8 แกนพร้อมผลการรับน้ำหนักของแกนยึดสายรัดรับน้ำหนักสูงสุด
โดยแนบผลการทดสอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยมีเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
7.1.6
มีสายรัดผู้ป่วย
ที่ปรับขนาดและมีอุปกรณ์ล็อคได้จำนวน 3 เส้น
7.1.7
ชุดแผ่นรองหลังผู้ป่วยผ่านการทดสอบการรับน้ำหนักได้จริง
โดยแนบผลการทดสอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยโดยมีเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
7.1.8
ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน (EN 1789) หรือ (EN 1865) หรือมาตรฐานทางการแพทย์ ISO 13485 หรือ มาตรฐานตามที่
สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
7.2
ชุดยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer)
7.2.1
สามารถใช้ล็อคศีรษะผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลัง(Spinal
Board)ได้อย่างมั่งคงโดยมีก้อนโฟมรูปสี่เหลี่ยม 2 ชิ้น
สำหรับประคองด้านข้างศรีษะผู้บาดเจ็บและมีฐานรองสำหรับยึดติดกับ แผ่นกระดานรองหลัง(Long
Spinal Board)
7.2.2
ทำจากโพลียูลีเทน
และภายนอกชุดเคลือบด้วยโพลียูลีเทน เหลวทั้งชิ้น ผิวโดยรอบเรียบเป็นชิ้นเดียว
ไม่มีรู รอยปะ รอยต่อที่จะทำให้ของเหลวซึมผ่านเข้าไป ทำให้เกิดความหมักหมมภายในได้
โดยด้านล่างของก้อนโฟมมีแผ่นหนามเตยแบบปะติด(Velcro)สำหรับยึดติดกับตัวฐาน
7.2.3
มีสายรัดสำหรับรัดโดยรอบแผ่นกระดานรองหลังอย่างมั่นคงและมีแผ่นหนามเตยแบบปะติด(Velcro)สำหรับยึดก้อนโฟม
7.2.4
มีสายรัดจำนวน
2 เส้น สำหรับยึดหน้าผากและคางผู้บาดเจ็บ
7.2.5
ผิววัสดุไม่ซึมซับของเหลวสามารถล้าง
แช่ ทำความสะอาดได้ทั้งชิ้น
7.2.6
ไม่มีโลหะเป็นวัสดุสามารถ
X-Ray ผ่านได้โดยตลอด
7.2.7
ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน (EN 1789) หรือ (EN 1865) หรือมาตรฐานทางการแพทย์ ISO 13485 หรือ มาตรฐานตามที่
สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
8.
มีเฝือกคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ไม่น้อยกว่า 3 ขนาด
8.1
โครงภายนอกเป็นพลาสติก
ส่วนภายในเป็นโฟมอ่อน
8.2
ประกอบติดกันโดยสายรัดแบบปะติด (Velcro Fastener)
8.3
ด้านหน้ามีช่องสำหรับเจาะหลอดลมผู้ป่วยได้
8.4
สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับลำคอผู้ป่วยได้
8.5
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
9.
มีเฝือกดาม แขน ขา
9.1
ทำจากวัสดุสังเคราะห์ สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ป้องกันของเหลวซึมผ่านได้ดี บรรจุในกระเป๋า พร้อมหูหิ้ว มีซิบ
9.2
ไม้ดามขาส่วนรองรับขา กว้างไม่น้อยกว่า
14 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า 80 ซม. หนาไม่น้อยกว่า 1 ซม. ส่วนรองรับปลายเท้า
กว้างไม่น้อยกว่า 14 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า 20 ซม. หนาไม่น้อยกว่า 1 ซม. จำนวน 2 ชิ้น
9.3
ไม้ดามแขนขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 9 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า
60 ซม. หนาไม่น้อยกว่า 1 ซม. จำนวน 2 ชิ้น
9.4
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพจากบริษัทได้รับรองมาตรฐาน
ISO
14001 และ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
10.
มีแหล่งกำเนิดถังบรรจุออกซิเจน พร้อมระบบจ่ายก๊าซ
ชุด Regulator
(ชุดลดแรงดัน) ที่ใช้งานได้ดี/ปลอดเชื้อ
10.1
มีกลไกยึดตรึง ไม่ให้หลุดออกจากจุดยึดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
10.2
มีกลไกในการปรับอัตราการไหลของออกซิเจน
สามารถปรับอัตราการไหล 0-15 ลิตร/นาที หรือมีกลไกที่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยได้เพียงพอกับความต้องการ
10.3
การจัดวางถังออกซิเจนในลักษณะแนวตั้ง ถังออกซิเจน
ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 1.5 คิว จำนวน 2 ถัง
11.
มีชุดให้ Oxygen แบบ Pipe
Line สำหรับใช้กับผู้ป่วยเพื่อช่วยหายใจที่ติดตั้งในรถยนต์พยาบาลมีคุณลักษณะและอุปกรณ์ประกอบดังนี้
11.1
มีชุดให้ออกซิเจนแบบ Pipe Line สำหรับส่งก๊าซออกซิเจน แบบสายส่งก๊าซออกซิเจนสำหรับใช้ทางการแพทย์โดยตรง
ต่อจากชุดปรับแรงดันจากถังออกซิเจน
11.2
มีชุดข้อต่อสวมเร็วสำหรับต่อเข้ากับกระบอกลดความชื้น
11.3
มีชุดปรับปริมาณของออกซิเจน
พร้อมตัวเลขระดับการให้ออกซิเจนที่แท่งแก้ว
12.
มีแหล่งกำเนิดหรือถังบรรจุออกซิเจนแบบพกพาน้ำหนักรวมไม่เกิน
5 กิโลกรัม สำหรับเคลื่อนย้ายได้สะดวก พร้อมกระเป๋าหิ้วพร้อมที่ยึดบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน
(EN
1789) หรือมาตรฐานทางการแพทย์ ISO 13485 หรือ
มาตรฐานตามที่ (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน) ประกาศที่เพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารในวันที่เสนอราคา
13.
มีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
(Pulse
Oximetry) หรืออื่น ๆ ที่จำเป็นต่อผู้ป่วย
13.1
เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดแบบหนีบนิ้ว หน้าจอ OLED
13.2
ใช้สำหรับตรวจวัดปริมาณความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2)และอัตราการเต้นของหัวใจ (Pulse
Rate) โดยหนีบวัดที่บริเวณปลายนิ้วมือ
13.3
การแสดงผลของค่าออกซิเจน : 70 ~ 100%, ความแม่นยำ ±2%
13.4
สามารถจับสัญญาณชีพจรได้ในช่วง 25-250 ครั้ง/นาที
13.5
ใช้แบตเตอรี่แอลคาไลน์ หรือแบบชาร์จไฟได้
13.6
ใช้งานง่าย ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกพกพา
13.7
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
14.
มีกระเป๋าปฐมพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พื้นฐานและอุปกรณ์ตามมาตรฐาน
BLS หรือ PHTLS
ประกอบด้วย
14.1
ถุงมือปราศจากเชื้อ จำนวน 1
กล่อง
14.2
สำลีแบบก้อน จำนวน
1
ห่อ
14.3
ไม้พันสำลี จำนวน
1
ห่อ
14.4
ผ้าก๊อซชนิดบางและหนา จำนวน
1
ชิ้น
14.5
Elastic
Bandage ขนาด 4 และ 6 นิ้ว จำนวน
1
ชิ้น
14.6
พลาสเตอร์ยา จำนวน 1 กล่อง
14.7
กรรไกร จำนวน
1
อัน
14.8
แอลกอฮอล์ จำนวน 1 ขวด
14.9
น้ำเกลือสำหรับล้างแผล จำนวน 1 ขวด
14.10
อุปกรณ์ล้างตา จำนวน 1 ขวด
14.11
ผ้าก็อตปิดตา (Eye Pad) จำนวน 5 ชิ้น
14.12
เบตาดีนโซลูชั่น จำนวน 1 ขวด
14.13
ที่ดูดเสมหะ (ลูกยางแดง) จำนวน 1 ลูก
14.14
แอมโมเนีย จำนวน 1 ขวด
14.15
ผ้าปิดจมูก (Mask) จำนวน 10 ชิ้น
14.16
Pocket
Mask จำนวน 1 ชุด
14.17
ถุงขยะติดเชื้อ จำนวน 5 ใบ
14.18
ผ้ากันเปื้อน จำนวน 1 ผืน
14.19
ไฟฉาย จำนวน 1 กระบอก
15.
มีอุปกรณ์สำหรับดูดเสมหะ และมีกลไกหรือที่ยึดตรึงอุปกรณ์ดูดเสมหะไม่ให้ส่วนประกอบแตกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
15.1
เป็นเครื่องดูดของเหลวชนิดใช้ไฟฟ้าได้ 2 ระบบ
ไฟบ้าน AC
220 V และ ไฟในรถยนต์ DC 12 V
15.2
สามารถปรับแรงดูดชนิดแรงดูดสูงสุด 18
ลิตร ต่อนาที
15.3
มีน้ำหนักเบา พร้อมหูหิ้วสะดวกในการเคลื่อนย้าย
15.4
มีชุดควบคุมแรงดูด พร้อมสัญญาณไฟแสดงการทำงานของเครื่อง
15.5
มีกระบอกใส่ของเหลวพร้อมชุดกันล้น ขนาดความจุ
1,000 มิลลิลิตร 1 ชุด
15.6
ฟิวเตอร์กรองแบคทีเรีย 1 ชุด
15.7
สายดูดของเหลว 1 ชุด
15.8
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
16.
มีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการช่วยเหลือการทำคลอดฉุกเฉิน
16.1
ชามสแตนเลสรูปไต จำนวน 1 ใบ
16.2
ที่หนีบสายสะดือ (Cord Clamp) จำนวน 2 ชิ้น
16.3
กรรไกรสแตนเลสสำหรับตัดสายสะดือ จำนวน 1
อัน
16.4
ผ้าก๊อชขนาด 4X4 นิ้ว จำนวน 1 ชิ้น
16.5
ผ้าเช็ดตัว จำนวน 1 ผืน
16.6
ผ้าห่อเด็ก จำนวน 1 ผืน
16.7
ลูกยางแดง เบอร์ 1 จำนวน 1 ลูก
17.
มีเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
17.1
ตัวเครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือด จำนวน 1
เครื่อง
17.2
มีแผ่นทดสอบที่ใช้กับเครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดได้
จำนวน 25 แผ่น
17.3
มีเข็มสำหรับเจาะเลือดแบบใช้แล้วทิ้ง จำนวน
25 ชิ้น
18.
มีชุดช่วยหายใจแบบมือบีบ สำหรับช่วยหายใจ
ผู้ใหญ่ เด็ก และเด็กแรกเกิด
18.1
ถุงลมยางทำด้วยซิลิโคน และสามารถพับได้
เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา
18.2
วาวล์สำหรับควบคุมการไหลของอากาศ สามารถแยกประกอบได้
18.3
หน้ากากครอบปากและจมูกทำด้วยวัสดุโปร่งใส
และส่วนที่เป็นยางทำจากซิลิโคนอ่อนนิ่มหล่อเป็นชิ้นเดียวกัน โดยมีขนาดสำหรับผู้ใหญ่
เด็ก และเด็กแรกเกิด อย่างละ 1 อัน และมีที่เปิดทางเดินหายใจ (Oro Pharyngeal
Airway) 3 ขนาด ขนาดละ 1 ชิ้น
18.4
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
19.
มีเก้าอี้พร้อมล้อเข็น
สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นลงบันได (Stair chair)
19.1
เก้าอี้ทำด้วยโลหะปลอดสนิมมีพนักพิง สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน
19.2
ส่วนที่รองรับผู้ป่วยเป็นผ้าในลอนกันน้ำอย่างดี
สามารถทำความสะอาดได้
19.3
มีที่จับสำหรับยกเก้าอี้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก
19.4
มีล้อสำหรับเข็นได้ จำนวน 4 ล้อ
19.5
สามารถรับน้ำหนักผู้ป่วยได้ไม่น้อยกว่า 100
กก.
19.6
น้ำหนักรวมไม่เกิน 15 กก.
19.7
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 และ ISO 13485 โดยพร้อมแนบเอกสารในวันเสนอราคา
20.
มีเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดตรึงกับฝาผนังพร้อมหูฟังทางการแพทย์และอุปกรณ์
20.1
เป็นแบบ Wall Aneroid ติดตั้งยึดกับผนังห้องพยาบาล
20.2
สามารถวัดความดันโลหิตได้จาก 0-300
มิลลิเมตรปรอท
20.3
มีผ้าพันแขนสำหรับผู้ใหญ่และเด็กเป็นชนิดปะติด
(Velero
Fastener) อย่างละ 1 ชุด
20.4
สายยางต่อจากผ้าพันแขนเป็นแบบ Coiled Tubing ต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 8 ฟุต
20.5
ลูกยางสำหรับอัดลมผ้าพันแขน พร้อมลิ้นปิด-เปิด
สะดวกต่อการควบคุม
20.6
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
21.
อุปกรณ์ดามหลังชนิดสั้น (KED) แผงสำหรับรัดตัวผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
21.1
แท่งดามเชื่อมโยงกันเป็นแผงทำจากวัสดุสังเคราะห์
PASSWOOD สามารถโอบรอบลำตัว และศีรษะได้อย่าง กระชับ พื้นผิวหุ้มด้วย วัสดุ สังเคราะห์ที่ป้องกันน้ำหรือของเหลวซึมผ่านได้
มีหนามเตย (Velcro) ที่สามารถติดสายรัด หน้าผากและคางของผู้บาดเจ็บ แห่งละ 1 เส้น
21.2
มีเข็มขัดยึดตัวของผู้บาดเจ็บซึ่งใช้หัวล็อคแบบสวมเร็ว
(Instant
Snap Lock Buckle) จำนวน 3 เส้น
21.3
มีสีแตกต่างกัน และมีชุดเข็มขัดสำหรับรัดใต้ขา
2 เส้น เพื่อเพิ่มความกระชับ โดยเข็มขัดทุกเส้นสามารถปรับได้ มีกระเป๋าสำหรับเก็บอุปกรณ์
21.4
มีหมอนสำหรับหนุนรองบริเวณหลังศีรษะหากยึดตรึงผู้บาดเจ็บกับอุปกรณ์และมีช่องว่างเหลือมากเกินไป
รังสี X-RAY
สามารถผ่านได้โดยตลอด ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 87 เซนติเมตร ความยาวไม่น้อยกว่า
86 เซนติเมตร มีน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม
21.5
ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน
ISO
14001 และ ISO 13485 พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
ส่วนที่ 2 เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
1.
ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ำเงิน
โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงสีแดงจะต้องอยู่ฝั่งคนขับเหนือศีรษะของผู้ขับขี่แสงสีน้ำเงินอยู่ฝั่งผู้โดยสารเหนือศีรษะของผู้ขับขี่
และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้งดังกล่าวต้องดำเนินการตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2553 โดยผู้ซื้อเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตตามระเบียบ สพฉ. เอง
1.1
ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับติดตั้งหลอด LED ชุดละไม่น้อยกว่า 3 หลอด จำนวนไม่น้อยกว่า 8 โมดูล ให้ความสว่างสูงและประหยัดไฟ
1.2
ฝาเลนส์ครอบดวงไฟทำด้วยวัสดุโพลีคาร์บอร์เนตหรือ
Lcxan
ช่องซ้ายและขวามีสีของเลนส์ตามกฎหมายกำหนด ด้านบนของฝาเลนส์มีลายฝ้าเพื่อเพิ่มความเข้มของแสง
ขนาดของแผงไฟ (ไม่รวมขาติดตั้ง) ยาวไม่น้อยกว่า 110 ซม. กว้างไม่น้อยกว่า 29 ซม.
1.3
สัญญาณไฟฉุกเฉินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรอง
MIT
จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันที่เสนอราคา
(ถ้ามี)
1.4
เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐาน
ISO
14001 หรือ ISO 13485 โดยมีเอกสารแสดงในวันที่เสนอราคา
2.
ติดตั้งไฟฉุกเฉินชนิดหลอด LED โมดุลชนิดกันน้ำสีน้ำเงิน-แดงพร้อมไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่างชนิดหลอด
LED ชนิดกันน้ำ ให้ความสว่างสูง ทั้งหมดอยู่ในกรอบไฟเบอร์หล่อขึ้นรูปอย่างดีติดตั้งบนหลังคาด้านซ้ายและขวา
ด้านละ 2 ชุด แต่ละชุดมีหลอด LED ไม่น้อยกว่า 8 ดวง
ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐาน มอก.513-2553 และ IP-X7 โดยไม่มีน้ำเข้าเกิดความเสียหายได้
โดยมีเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
3.
ติดตั้งไฟฉุกเฉินชนิดหลอด LED โมดุลชนิดกันน้ำสีน้ำเงิน-แดงอยู่ในกรอบไฟเบอร์หล่อขึ้นรูปอย่างดีบริเวณบนหลังคาส่วนท้ายด้านซ้าย-ขวา
อย่างละ 1 ชุด ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐาน มอก.513-2553 และ IP-X7 โดยไม่มีน้ำเข้าเกิดความเสียหายได้ โดยมีเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
4.
มีชื่อหรือโลโก้ตราสัญลักษณ์ตามที่ผู้ซื้อ
หรือตามที่หน่วยงานกำหนด
5.
มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100
วัตต์ พร้อมลำโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์ พร้อมใช้งาน
6.
มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน
12 โวลต์ เป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์
ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 วัตต์ พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์ จำนวนไม่น้อยกว่า 2 จุด และมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่
USB
อย่างน้อย 1 จุด และมีชุดสายพ่วงต่อสำหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ยาวไม่น้อยกว่า
3 เมตร จำนวน 1 ชุด
7.
มีสวิทซ์ตัดไฟฟ้า (Circuit
Breaker) สำหรับห้องปฏิบัติการซึ่งติดตั้งอยู่ในห้องคนขับ
8.
มีเครื่องวิทยุคมนาคม กรณียื่นขอรับรองครั้งแรกให้ดำเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และเป็นไปตามการอนุญาตของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกำหนด
โดยผู้ซื้อเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตเอง
8.1
วิทยุสื่อสารชนิดติดรถยนต์ แบบสังเคราะห์ความถี่ประเภท 2 จำนวน
1 เครื่อง
อุปกรณ์ประกอบของเครื่องรับ
– ส่งวิทยุ จำนวน 1 ชุดต่อเครื่อง
1. ไมโครโฟน สำหรับพูด 1 ชุด
2. แท่นตั้งเครื่อง 1 แท่น
3. ชุดสายไฟ DC พร้อมฟิวท์ 1 ชุด
4.
ชุดเสาอากาศพร้อมอุปกรณ์จับยึด
ติดรถยนต์ 1 ชุด
5.
ผู้เสนอราคาต้องมีใบอนุญาตค้าวิทยุคมนาคม และมีเอกสารรับรองว่าวิทยุสื่อสารดังกล่าว
ได้ผ่านการตรวจสอบและอนุญาตให้สำรองจำหน่าย กับหน่วยงานราชการ และเอกสารดังกล่าวออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทางราชการในการขออนุญาตใช้เครื่องวิทยุ และขอใช้ความถี่วิทยุกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทคมนาคมแห่งชาติ
พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
9.
อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์
และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ รายละเอียดดังนี้
-
กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ
-
ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร
-
เสื้อสะท้อนแสง - นกหวีด
-
รองเท้าบูท 2 คู่ - น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวรถ 1 ขวด
-
น้ำยาล้างมือแบบแห้ง หรือเจลแอลกอฮอล
10.
ติดตั้งกล้องบันทึกเหตุการณ์ด้านหน้ารถและภายในห้องปฏิบัติการ
จำนวน 1 ชุด
8.1
ตัวกล้องมีความละเอียดสูงแบบ FULL HD 1080P
8.2
มีเมมโมรี่การ์ด 16 GB
11.
มีระบบติดตามและระบุตำแหน่งรถยนต์ (GPS) ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนด
11.1.
คุณสมบัติเบื้องต้นของระบบของ GPS ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนด
11.1.1.
อุปกรณ์อุปกรณ์ใช้รูปแบบการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมือถือมายังคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของผู้ให้บริการ
โดยคอมพิวเตอร์แม่ข่ายจะทำหน้าที่ในการประมวลผลและสำรองข้อมูล โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานโปรแกรมติดตามยานพาหนะผ่านอินเตอร์เน็ต
11.1.2.
อุปกรณ์ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้รูปแบบการส่งข้อมูลของเครือข่ายมือถือ
ในสภาวะการทำงานสามารถส่งข้อมูลได้ไม่เกิน 1 นาที ขณะรถวิ่งและในกรณีจอดสามารถส่งข้อมูลได้ไม่เกินทุก
5 นาทีและปรับปรุงสถานะได้เองแบบอัตโนมัติ
11.1.3.
สามารถแสดงตำแหน่งรถบนแผนที่ของศูนย์ควบคุม
พร้อมทั้งสามารถระบุอำเภอ และจังหวัดที่รถอยู่ในช่วงเวลานั้นได้
11.1.4.
สามารถบอกสถานะของรถแต่ละคัน ได้แก่
การใช้งาน การหยุด การจอด การใช้ความเร็วเกินกำหนดการเข้าพื้นที่ต้องห้าม
11.1.5.
ข้อมูลที่รับมาจากรถแต่ละคันถูกเก็บรวบรวมเป็นฐานข้อมูล
และสามารถเรียกกลับมาใช้งานได้ตลอดเวลา โดยสำรองข้อมูลไว้ตรวจสอบไม่น้อยกว่า 180 วัน
11.1.6.
อุปกรณ์ฯ ได้รับการจดทะเบียนตามกรมการขนส่งทางบกฯ
11.1.7.
ฃอุปกรณ์ที่นำเสนอต้องได้รับการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)
พร้อมแนบเอกสารในวันที่เสนอราคา
11.1.8.
GPS
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช โดยผู้เสนอราคาต้องแนบใบอนุญาตจาก
กสทช. ในวันที่เสนอราคา
11.1.9.
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 45001 พร้อมแนบเอกสารในวันที่เสนอราคา
12.
มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน
มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลาไม่น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า 5 ปอนด์พร้อมติดตั้งจำนวน 1 ถัง โดยมีเอกสารรับรองมาตรฐาน
มอก. มาแสดงในวันเสนอราคา
ส่วนที่ 3 ส่วนประกอบด้านรถหรือยานพาหนะ
(ด้านโครงสร้างความปลอดภัย)
1.
เป็นรถหรือพาหนะสำหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่มีมิติขนาดและอุปกรณ์ ส่วนควบเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522
ตัวถังสีขาวและมีแถบสีเหลืองฉุกเฉินการแพทย์ Sulphur Yellow รหัสสี RAL
1016 เป็นหลัก (แถบสีเหลืองอาจเป็นสติกเกอร์หรือสีทารถ)
คาดรอบรถหรือพาหนะ มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร สติกเกอร์แผ่นสะท้อนแสงต้องผ่านการทดสอบค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงแบบแคนเดลาต่อลักซ์ต่อตารางเมตร
1.1
ผู้เสนอราคาต้องแสดงรายงานการทดสอบสีเหลืองฉุกเฉินการแพทย์
Sulphur
Yellow รหัสสี RAL 1016 จากหน่วยงานของรัฐ พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันเสนอราคา
1.2
คุณลักษณะทางเทคนิค
1.2.1
ระบบเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์ดีเซลชนิด
4 สูบปริมาตรความจุ ปริมาตรความจุภายในกระบอกสูบไม่น้อยกว่า 2,400 ซีซี หรือมีกำลังเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่า
110 กิโลวัตต์ มีเกียร์เดินหน้าไม่น้อยกว่า 4 เกียร์และเกียร์ถอยหลัง 1 เกียร์
1.2.2
ระบบกันสะเทือน ล้อหน้าแบบปีกนกคู่และทอร์ชั่นบาร์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง
ล้อหลังแหนบซ้อนและโช้คอัพช่วย หรือคอยส์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง หรือตามมาตรฐานผู้ผลิต
1.2.3
ระบบพวงมาลัยขับด้านขวามีพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง
1.2.4
ระบบห้ามล้อ ดิสเบรคล้อหน้า ดรัมเบรคล้อหลัง
หรือดิสเบรคทั้ง 4 ล้อ
1.2.5
ระบบไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ขนาด 12 โวลท์
ไม่น้อยกว่า 65 แอมแปร์ พร้อมทั้งอุปกรณ์และโคมไฟฟ้าประจำรถครบถ้วน
1.2.6
ล้อและยางเป็นขนาดมาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิต
1.2.7
ความยาวช่วงล้อหน้า – ล้อหลัง ตามมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต
1.2.8
ความยาวห้องพยาบาลทั้งหมด (ส่วนหลังห้องคนขับ)
มาตรฐานผู้ผลิต
1.2.9
เมื่อผลิตเป็นรถพยาบาลแล้วเสร็จ
ต้องสามารถจดทะเบียนเป็นรถเฉพาะกิจ (พยาบาล) กับสำนักงานขนส่ง ได้อย่างถูกต้อง
2.
ติดฟิล์มกรองแสงชนิดมาตรฐาน
เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ป่วย เมื่อวัดการผ่านของแสงแล้วต้องผ่านทั้งกระจกและฟิล์มกรองแสงที่มีแสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ
40
3.
ช่วงหลังที่เป็นส่วนของห้องบรรทุกผู้ป่วย
3.1
ครอบทับด้วยหลังคาไฟเบอร์กลาสเสริมด้วยคานเหล็กหลังคาแบบทรงสูง
สีเดียวกับตัวรถ ความสูงจากขอบกระบะไม่น้อยกว่า 90 ซม. ฝ้าเพดานและผนังด้านซ้าย-ขวา
และด้านหน้าสูงจากขอบกระบะผลิตจาก ABS
สามารถถอดประกอบได้เพื่อสะดวกแก่การซ่อมบำรุงและรักษา
3.2
ภายในส่วนของหลังคาทำจากพลาสติก
ABS ฉีดขึ้นรูปอย่างดีพร้อมมีกระจกแบบบานเลื่อนทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
3.3
หลังคาไฟเบอร์ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรอง
MIT
จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันที่เสนอราคา
3.4
หลังคาไฟเบอร์ต้องผลิตจากบริษัทที่ได้รับมาตรฐาน
ISO 14001 และ ISO 13485 โดยมีขอบข่ายด้านการผลิตรถพยาบาลโดยตรง
โดยมีเอกสารมาแสดง ณ วันที่เสนอราคา
3.5
ด้านท้ายประตูกระบะแบบชนิด
2 บาน เปิดออกด้านข้างซ้าย-ขวา พร้อมกระจกบานตายแบบใส ทั้งสองข้างของประตู
และไม่มีฝาท้ายกระบะ
3.6
ติดตั้งกันชนท้าย สำหรับรองรับรถเข็นเพื่อสะดวกแก่การเข็นเตียงพยาบาลขึ้น
และ ลง โดยไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ
4.
ห้องคนขับมีผนังกั้นแยกออกจากช่วงหลังซึ่งจัดเป็นห้องปฏิบัติการ
มีวัสดุกั้นแบ่งและมีกลไกในการสื่อสารถึงกันได้ หรือติดตั้งกระจกบานเลื่อนระหว่างห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ
ชุดผนังต้องออกแบบให้มีความแข็งแรง ปลอดภัยกับผู้โดยสารและผู้ขับเมื่อเกิดการชน
(เช่น UN-ECE
R66 หรือตามมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชน หรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าหรือดีกว่า
หรือตามมาตรฐานทางการแพทย์ ISO 13485 ด้านการผลิตรถพยาบาลโดยตรง
หรือตามที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กำหนดเพิ่มเติม) พร้อมเอกสารมาตรฐานมาแสดงในวันที่เสนอราคา
5.
มีระบบปรับอากาศ มีคุณสมบัติดังนี้
5.1
ในห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ
ติดตั้งระบบปรับอากาศตามมาตรฐานผู้ผลิต โดยแยกระบบปรับอากาศของห้องคนขับออกจากห้องปฏิบัติการ
6.
ในห้องคนขับมีวิทยุพร้อมชุดแสดงภาพจากกล้องส่องหลังพร้อมลำโพง
7.
ห้องคนขับมีประตู ปิด – เปิด ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาที่มีกุญแจล็อค
8.
ห้องปฏิบัติการ หรือห้องพยาบาล
8.1
ด้านซ้ายต่อจากเก้าอี้มีตู้เก็บเอกสารและเวชภัณฑ์แบบ
2 ชั้น พร้อมประตูปิด-เปิด จำนวน 1 ตู้
8.2
ด้านขวามีชั้นวางของและอุปกรณ์การแพทย์สำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยแบบครอบเต็มซุ้มล้อ
โครงสร้างทำด้วย Galvanize Steel ครอบทับด้วย Aluminium Composite สีขาว
ชนิดอบด้วยความร้อนที่มีความแข็งแรงสูง สีไม่หลุดร่อนง่าย และไม่เป็นสนิม จำนวน 1
ชุด
8.3
มีกลไกในการสื่อสารกับส่วนของห้องปฏิบัติการ
หรือมีกระจกบานเลื่อนโดยมีที่ล็อคป้องกันการเหวี่ยงของอุปกรณ์เมื่อปิดใช้งาน
8.4
มีขนาดความสูงที่เหมาะสมในการปฏิบัติการช่วยชีวิต
วัดจากพื้นเตียงของผู้ป่วยในห้องปฏิบัติการถึงด้านบนสุดของห้องปฏิบัติการ โดยมีความสูงไม่น้อยกว่า
900 มิลลิเมตร หรือมีความสูงที่เพียงพอที่สามารถปฏิบัติการฉุกเฉินได้อย่างสะดวก
9.
มีแผ่นบังแสงแดดกระจกด้านหน้าซ้าย - ขวา
ข้างละ 1 อัน
10.
มีเครื่องประจุไฟแบตเตอรี่ หรือ เครื่องช่วยสตาร์ทฉุกเฉิน
รายละเอียดของเครื่องช่วยสตาร์ทฉุกเฉิน
10.1
เครื่องช่วยสตาร์ท 12 V ขนาด 16,000 mAh สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน
10.2
เครื่องช่วยสตาร์ทสำหรับใช้งานกรณีฉุกเฉินเมื่อไม่สามารถสตาร์ทรถได้เนื่องจากไฟในแบตเตอรี่รถยนต์หมดหรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเก็บไฟไม่อยู่ทำให้สตาร์ทรถไม่ติด
10.3
สามารถนำเครื่องช่วยสตาร์ทมาใช้อย่างสะดวกในกรณีฉุกเฉินซึ่งไม่สามารถต่อพ่วงกับรถยนต์คันอื่นได้
หรือผู้ประสบภัยอยู่ลำพังคนเดียวในสถานที่ ที่ยากต่อการได้รับความช่วยเหลือ
10.4
เหมาะสำหรับทีมกู้ภัยเพื่อใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันที
10.5
สามารถจั้มสตาร์ทได้ทันที่โดยไม่ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออก
10.6
มีไฟแจ้งสถานะจำนวน 4 ดวง พร้อมปุ่ม
ปิด-เปิด การทำงาน
10.7
มีไฟฉายในตัวสามารถใช้ได้ในที่มืดและสามารถปรับเป็นไฟฉุกเฉินได้
10.8
มีช่อง USB จำนวน 2 ช่อง
สามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือได้
10.9
มีช่องสำหรับเสียบสายจั้มสตาร์ทอยู่ด้านข้างตัวเครื่องเพื่อสะดวกแก่การใช้งาน
10.10
สายจั้มสตาร์ทออกแบบให้สามารถตรวจเช็คปริมาณกระแสไฟในแบตเตอรี่ได้โดยแสดงสถานะเป็นตัวเลขบนหน้าจอดิจิตอลที่ติดตั้งมากับชุดช่วยสตาร์ท
โดยไม่ต้องเสียบต่อเข้ากับเครื่องช่วยสตาร์ท
10.11
มีสายชาร์จไฟสามารถชาร์จได้ทั้งไฟบ้านและไฟรถยนต์
10.12
มีกล่องบรรจุเครื่องช่วยสตาร์ทผลิตจากพลาสติก
ABS ป้องกันน้ำและฝุ่น
ได้มาตรฐาน IP54 และ ISO 14001 พร้อมแสดงเอกสาร
หนังสือรับรองมาตรฐานในวันเสนอราคา
10.13
ตัวกล่องสามารถรับน้ำหนักได้ 350 กิโลกรัม
ผ่านการทดสอบจากหน่วยของรัฐ พร้อมแสดงเอกสาร ผลการทดสอบในวันเสนอราคา
10.14
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้จำหน่ายได้รับการรับรองมาตรฐาน
ISO 14001 พร้อมแสดงเอกสาร
หนังสือรับรองมาตรฐานในวันเสนอราคา
11.
ผนังและฝ้าเพดานภายในห้องปฏิบัติการ
หรือห้องพยาบาลทำด้วยวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายในกรณีอุบัติเหตุ และไม่ปลดปล่อยควันพิษในกรณีที่เกิดไฟไหม้
และต้องมีไฟให้แสงสว่างภายในห้องพยาบาลดังนี้
11.1
มีไฟให้แสงสว่างชนิดหลอด LED แบบสำหรับใช้ทางการแพทย์มาตรฐาน ISO 13485 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
MIT จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ติดตั้งตามตำแหน่งที่เหมาะสมจำนวนไม่น้อยกว่า
2 ชุด พร้อมสวิทซ์ปิด - เปิดในที่เหมาะสม ให้มีความสว่างเพียงพอในห้องพยาบาล พร้อมเอกสารมาตรฐาน
ISO และ MIT มาแสดงในวันที่เสนอราคา
12.
พื้นผิวพาหนะภายในส่วนห้องปฏิบัติการหรือห้องพยาบาลปูด้วยอลูมิเนียมลายกันลื่น
ทนต่อสารเคมีเพื่อทำความสะอาด
13.
ในห้องปฏิบัติการ หรือห้องพยาบาลด้านซ้ายมีที่นั่งสำหรับเจ้าหน้าที่
สามารถนั่งได้ไม่น้อยกว่า 2 ที่นั่ง เบาะหุ้มด้วยวัสดุที่มีคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร
พ.ศ.2559 และออกแบบให้ใต้ที่นั่งสามารถเปิดขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บวัสดุทางการแพทย์ได้
14.
ทุกที่นั่งออกแบบให้มีเข็มขัดนิรภัยชนิดรูดกลับอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานติดตั้งกับที่นั่งทุกตัว
ยึดติดกับโครงสร้างรถอย่างมั่นคงตามมาตรฐาน UN-ECE R 14, UN-ECE R16
หรือได้รับการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์ ISO 13485 หรือตามที่
สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม
15.
วัสดุที่หุ้มเบาะต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติของวัสดุตามประกาศกรมการขนส่งทางบก
เรื่อง กำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร
พ.ศ.2559
15.1
วัสดุหุ้มเบาะผ่านการทดสอบมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบ
แนวราบ UNR
118. ANNEX 6 Test Method แนวดิ่ง URN 118. ANNEX 8
15.2
วัสดุหุ้มเบาะผ่านการรับรองตามมาตรฐานกรมการขนส่งทางบก
โดยแนบผลการทดสอบในวันเสนอราคา
16.
ภายในห้องปฏิบัติการหรือห้องพยาบาลส่วนท้ายสุดด้านบนติดตั้งโคมไฟสปอร์ตไลท์แบบปรับได้ขนิดหลอด
LED มีสวิทซ์ควบคุมการเปิด - ปิด ในห้องปฏิบัติการหรือห้องพยาบาล
17.
บนเพดานรถมีที่แขวนภาชนะใส่น้ำเกลือ/เลือด
สามารถแขวนพร้อมกันได้ เพดานด้านในมีที่แขวนภาชนะใส่น้ำเกลือหรือเลือดแบบกรอบไฟเบอร์เมื่อไม่ได้ใช้งานจะไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดยื่นออกมาจากกรอบไฟเบอร์ที่ยึดติดเพดาน
เมื่อดึงออกมาใช้งานสามารถแขวนภาชนะพร้อมกันได้ 2 ที่ (ขวด) และมีที่รัดภาชนะทั้ง
2 แบบสามารถปรับขนาดได้ ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุปกรณ์ทางการแพทย์
ISO
13485 พร้อมยื่นเอกสารในวันเสนอราคา
18.
มีที่จัดเก็บอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นอย่างเป็นสัดส่วน
เป็นระเบียบและมีความปลอดภัยจากการหลุดร่วงปลิวออกจากที่จัดเก็บในกรณีที่มีการชนหรือกระแทกหรือพลิกคว่ำของรถได้มาตรฐาน ISO 13485 ด้านการผลิตรถพยาบาลโดยตรง
พร้อมแนบเอกสารมาตรฐานมาแสดงในวันเสนอราคา
19.
มีประกันคุ้มครองผู้ประสบภัยภาคบังคับ
(พรบ.) ณ วันที่จดทะเบียน
ผู้มีสิทธิเสนอราคาจะต้องมีคุณสมบัติ
ดังต่อไปนี้
1.
เป็นผู้มีอาชีพขายพัสดุที่สอบราคาซื้อดังกล่าว
2.
ไม่เป็นผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงานของทางราชการและได้แจ้งเวียนชื่อแล้ว
3.
ไม่เป็นผู้ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกัน
ซึ่งอาจปฏิเสธไม่ยอมขึ้นศาลไทยเว้นแต่รัฐบาลของผู้เสนอราคาได้มีคำสั่งให้สละสิทธิ์ความคุ้มกันนั้น
4.
ไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอราคารายอื่นที่เข้าเสนอราคา
ณ วันประกาศสอบราคาซื้อ หรือไม่เป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมในการสอบราคาซื้อครั้งนี้
5.
ผู้ผลิตรถพยาบาลต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน
ISO
14001 และ ISO 13485 โดยมีขอบข่ายด้านการผลิตรถพยาบาลโดยตรง
โดยยื่นเอกสารมาแสดง ในวันเสนอราคา
6.
ผู้ผลิตต้องได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต
ประเภทโรงอุตสาหกรรมผลิตสินค้าประเภทรถยนต์เท่านั้น โดยมีใบจดทะเบียนสรรพสามิต มาแสดงในวันเสนอราคา
7.
ผู้ผลิตต้องเป็นผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจ ขนาดกลาง
และขนาดย่อม (SME) โดยแนบหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (SME) เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ทั้งหมดผ่านระบบ
e-GP ในวันเสนอราคา
8.
รถพยาบาลที่ผลิตเสร็จแล้วต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรอง
MIT
จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมแนบเอกสารมาแสดงในวันที่เสนอราคา
9.
ประกันความชำรุดบกพร่องตามสัญญาเป็นระยะเวลา
1 ปี
10. รถยนต์ยี่ห้อที่เสนอราคาจะต้องมีตัวแทนและศูนย์บริการในจังหวัดของผู้ซื้อ
และสามารถเข้าตรวจบำรุงรักษาได้ทุกศูนย์ทั่วประเทศ การรับประกันให้เป็นตามเงื่อนไขของศูนย์บริการ
หรือฟรีค่าแรงตรวจเช็คไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สุดแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน
11.
ผู้เสนอราคาต้องยื่นแค็ตตาล็อกหรือรูปแบบแสดงยี่ห้อ,รุ่น,ประเทศผู้ผลิตหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์มาพร้อมกับเอกสารประกอบการเสนอราคา โดยยื่นเอกสารทั้งหมด
ในวันเสนอราคา
11.1
แค็ตตาล็อกรถยนต์ ขนาด 1 ตัน
11.2
แค็ตตาล็อกเตียงพยาบาล
11.3
แค็ตตาล็อกชุดช่วยหายใจชนิดใช้มือบีบสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
11.4
แค็ตตาล็อกเครื่องดูดของเหลว
11.5
แค็ตตาล็อกเครื่องวัดความดันโลหิตแบบติดฝาผนัง
11.6
แค็ตตาล็อกชุดป้องกันกระดูกคอเคลื่อน
11.7
แค็ตตาล็อกท่อเก็บออกซิเจน ขนาด 1.5 Q
พร้อมอุปกรณ์
11.8
แค็ตตาล็อกท่อเก็บออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร พร้อมอุปกรณ์
11.9
แค็ตตาล็อกอุปกรณ์ดามหลังชนิดสั้น (KED)
11.10
แค็ตตาล็อกเก้าอี้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยชนิดพับเก็บได้
11.11
แค็ตตาล็อกแผ่นกระดานรองหลังสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
11.12
แค็ตตาล็อกเฝือกดามแขน ขา
11.13
แค็ตตาล็อกอุปกรณ์และกระเป๋าสำหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน
ACLS
ATLS หรือ PHTLS
11.14
แค็ตตาล็อกสัญญาณไฟฉุกเฉินพร้อมเครื่องขยายเสียงอิเล็กทรอนิกส์ไซเรน
11.15
แค็ตตาล็อกวิทยุสื่อสาร
11.16 แค็ตตาล็อกเครื่องประจุไฟแบตเตอรี่ หรือ เครื่องช่วยสตาร์ทฉุกเฉิน
11.17 แค็ตตาล็อกกล้องบันทึกเหตุการณ์หน้ารถและในห้องปฏิบัติการ